1)ไวรัสชนิดนี้ชื่อ”โคโรน่าไวรัส “
เกิดมา 80 ปี แล้ว ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบในสัตว์ทุกชนิด
เช่น MERsCOV จากอูฐ
SARs จากชะมด ค้างคาว
และติดสู่คน
2)โคโรน่าไวรัสมี 4 กลุ่มใหญ่
-alpha เช่น 229E และ NL63
-beta เช่น HKU1, OC43,MERs, Wuhan
-gamma
-dalta เช่น HKU13
ที่พบบ่อยมี 4 ชนิดคือ
ไม่รุนแรง
229E NL63 HKU1 OC43
และรุนแรงคือ MERS และ SARs
ไวรัสเป็นชนิด RNA ขนาดใหญ่ มองจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนคล้ายมงกุฎ (Coronar)
3)ไวรัสโคโรน่าชนิดใหม่ 2019
เมืองฮู่อัน จัดอยู่ในกลุ่ม beta
ชื่อไวรัส
MN908947-WH-Human_CHN2019
มีพันธุกรรมที่คล้ายกับไวรัสโคโรน่าในอดีตดังนี้
-82.7-87.9% Bat SARS like
-80.3% SAR Coronar
-52.3% MERs
-49.2-50.7% Alpha
-48.1% Gammma
-47.1% Delta
4)รายงานจากจีน ปัจจุบัน พบผู้ป่วย 59 ราย ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง มีรุนแรง 7 ราย เสียชีวิต 1 ราย
ส่วนในประเทศไทย พบนักเดินหญิงชาวจีนอายุ 61 ปี จากฮู่อัน
มีอาการไข้ ไอ หอบ วินิจฉัยปอดอักเสบ
ตรวจแลปในไทยเข้าได้กับ โคโรน่าสายพันธุ์ใหม่2019 คล้ายกับ beta bat
ขณะนี้อาการไม่รุนแรง กำลังจะกลับประเทศจีน
ส่วนผู้เดินทางร่วมและสัมผัส ได้รับการตรวจและคัดกรอง เฝ้าระวัง
ไม่มีใครป่วยหรือติดเชื้อเพิ่ม
5)ประเทศไทยมีไฟล์บินจากอู่ฮั่น เฉลี่ยวันละ 1,000 คน มีมาตราการตรวจคัดกรอง ติดตาม ระบบเฝ้าระวังที่ดี
โดยสมรรถภาพกรมควบคุมโรค จัดอยู่อันดับ6ของโลก จัดโดยองค์การอนามัยโลก
6)ผู้ที่จะเดินทางไปจีนหรือเมืองอู่ฮั่น ต้องเฝ้าระวัง รักษาร่างกาย สุขภาพให้แข็งแรง ไม่ขาดยาโรคประจำตัว
มาตราการ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย เจ็บป่วยต้องหยุดงานหรือเรียน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคเช่น ไข้หวัดใหญ่ (ซึ่งพบบ่อยกว่า) ยังมีประโยชน์
7)การติดต่อ จากการสัมผัสเชื้อไอจามน้ำมูกเสมหะ เยื่อบุต่างๆ หลีกเลี่ยง ใกล้คนป่วย หรือไปชุมชนที่มีคนแออัด
ต้องป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย
8)การวินิจฉัย อาศัยอาการและอาการแสดง
อาการทางเดินหายใจอักเสบ ได้แก่ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกเสมหะ หอบเหนื่อย
และเดินทางจากดินแดนระบาดภายใน 14 วัน (เมืองอู่ฮั่น)
แลป รพ.ทั่วไป ไม่สามารถวินิจฉัยได้
(ตรวจได้เบื้องต้น 4 สายพันธุ์ที่พบบ่อย)
ถ้ามีเคสสงสัย
ต้องรายงานและส่งแลปพิเศษกรมควบคุมโรค
มีแนวทางปฏิบัติ (ตามรูปแนบ)
หรือสถาบันในโรงเรียนแพทย์เพื่อ ตรวจหาสารพันธุกรรม
9)ปัจจุบันยังไม่มียารักษา
การรักษาเพียงประคับประคอง รักษาตามอาการ
และยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
10)ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ประชาชนควรเฝ้าระวัง ไม่ตื่นตะหนก คอยฟังข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขและหมั่นรักษาร่างกายสุขภาพให้แข็งแรง
ขอบคุณแหล่งที่มา
-กรมควมคุมโรค
-เฟสบุ๊ค ศ.นพ.ยงค์ ภู่วรวรรณ
-เฟสบุ๊ค ศ.นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์
